วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วงษ์พาณิชย์ ภาค2 (เมื่อผู้คนสนใจมากขึ้น)

หลังจากที่เข้าไปดูเว็บไซต์ วงษ์พาณิชย์ เกี่ยวกับการอบรมการคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิลเชิงธุรกิจ รุ่นที่ 37 รู้สึกตกใจ เอทำไมคนเข้าอบรมถึงเยอะแบบนี้ แสดงว่าคนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจกับธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น เลยเริ่มรู้สึกว่า เป้าหมายเราก็ชัดเจนในเรื่องการทำธุรกิจคัดแยกขยะ แล้วเราจะเข้ารับการอบรมในช่วงใหนดีล่ะ ตอนนี้ก็มีภาระอยู่พอสมควร แต่ถ้านานกว่านี้ก็คงเสียเวลามากเกินไป เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลาช่วงนี้ ก็ต้องศึกษาเอาเองก่อนแล้วกัน ศึกษายังไงล่ะนอกจาก ดูการคัดแยก คุยกับเจ้าของธุรกิจ อ่านหนังสือ ยังมีวิธีอื่นอีกมั้ยน้า เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ภาพประทับใจ วิกฤติการเมืองไทย ปี 51



ข้อความโดย เสก...

ภาพบรรยากาศ ระหว่างท่านนายกฯสมัคร กับท่านหัวหน้าฝ่านค้าน ทักทายกันที่หน้าร้านข้าวรัฐสภา ก่อนการลงมิติไม่ไว้วางใจรัฐบาล หลังจากที่ได้อภิปรายกันมา เกือบ 36 ชั่วโมง ผมพอจะได้มีโอกาสดูบ้าง เฉพาะเรื่องที่สำคัญๆ เช่น เขาพระวิหาร เศรษฐกิจ และการรุกล้ำที่ดินของรัฐ ดุเด็ดเผ็ดมันมากเลยทีเดียว ซึ่งคู่นี้ก็ถือว่าเป็นคู่เอกคู่หนึ่ง อาจจะดูเหมือนมวยคนละรุ่น สู้กันไม่ได้ แต่ไม่ใช่เลย ท่านผู้นำฝ่ายค้าน ถึงจะอายุน้อยกว่า ลุงหมักหลายสิบปี แต่ชั้นเชิงในด้านการอภิปรายถือว่าไม่แพ้ใครเหมือนกัน โดยเฉพาะข้อมูลที่หนักแน่น และลีลาในการอภิปราย แต่ที่น่าประหลาดใจคือ ในช่วงการอภิปรายลุงหมักได้ต่อว่าคุณอภิสิทธิ์ว่า "กระเหี้ยนกระหือรือ อยากเป็นนายกฯ" แค่สี่เดือนก็ขอเปิดอภิปรายแล้ว แต่นี่ยังไม่ใช่สถิติ อันที่จริงตอนสมัยนายกฯชวน แค่สามเดือนก็ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ตอนนั้นหมวดเหลิมเป็นผู้จุดประเด็น แต่หลังจากที่ได้อภิปรายเสร็จสิ้น กลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะเพิ่งผ่านการถกเถียงอย่างรุนแรง เพียงไม่กี่ชั่วโมง กลับดูสนิทสนมกันพอดู ระหว่างลุงหมัก กับหลานอภิสิทธิ์ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมอยากเห็นมาก แล้วสุดท้ายก็ได้เห็นจริงๆ อยากให้ภาพนี้เกิดกับกลุ่มการเมืองอื่น ครอบครัว เพื่อนร่วมงานที่ความคิดเห็นอาจไม่ตรงกัน ไม่อยากให้นำมาเป็นเรื่องถกเถียง ถึงขั้นทะเลาะกัน จนเกิดความเสียหายล้มตายไป คนเราคิดต่างกันได้เป็นเรื่องปกติ แต่อย่านำความคิดนั้นมาเป็นเหตุผลในการเอาชนะ คะคานกัน เพราะต่างคนก็เชื่อความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ผมไม่อยากเห็นข่าว พ่อทะเลาะกับลูก เพื่อนทะเลาะกันเอง พี่ฆ่าน้อง ฯลฯ เพียงเพราะ คนไม่กี่คนในจอทีวี ที่เรายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเหล่านั้นด้วยซ้ำ.....

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เมื่อพี่ผมตกเป็นจำเลย (ซวยว่ะ)

หลังจากประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ศึกษาดูงานจากนครสวรรค์ ว่ามีระบบอะไรบ้างที่จะโชว์ พอประชุมกันเสร็จเรียบร้อย สรุปว่ามีงานอยู่ 2 งานใหญ่ๆ และ ผอ. ได้แจกจ่ายงานให้ผู้รับผิดชอบ พี่ผมดูแลเรื่องเครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบการเข้าใช้คอมฯ ส่วนอีกทีมนึงดูแลเรื่องระบบตรวจสอบสิทธิ์ เช้ามาผอ. มาแต่เช้าเข้าไปเช็คที่เครื่อง พบว่ามีแต่ระบบเข้าใช้คอมฯ แต่ไม่มีระบบตรวจสอบสิทธิ์ ผอ.เดินมาถามพี่ที่ดูแลเครื่อง ซึ่งในที่นี้ผมเรียกว่า "จำเลย" แล้วพูดว่าใครสั่งให้คุณลงระบบเข้าใช้คอมฯ ผมให้ติดตั้งระบบตรวจสอบสิทธิ์อย่างเดียว (การติดตั้งแค่เปลี่ยนสายแลน ไปใช้อีกวงนึงแค่นั้นเอง) ผมเลยเถียงแทนว่า เมื่อวานที่ประชุมกัน ผอ.บอกให้ติดตั้งระบบเข้าใช้คอมฯ ด้วย ผอ.กลับบอกว่าเค้าจะมาดูระบบตรวจสอบสิทธิ์ ไม่ได้มาดูระบบเข้าใช้คอมฯ ผมเลยบอกว่าประชุมกันไว้แบบนั้นจริงๆ แต่ ผอ.ก็ด่าจำเลยซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับระบบตรวจสอบสิทธิ์แม้แต่น้อย บอกว่าคุณไปแก้ไข ดีกว่ามายืนแก้ตัวนะ (อันที่จริงมันมีน้ำเสียง ท่าทาง ที่ทำให้คนโดนด่า ถึงกับหน้าชา มือสั่น สั่นสู้นะ) แล้วก็เดินจากไป พอลับหลังผม ก็อธิบายให้กับพนักงานทุกคนทราบ เพื่อให้เครียร์จะได้ไม่เข้าใจผิด คนที่น่าจะโดนด่าในเรื่องนี้คือทีมงานระบบตรวจสอบสิทธิ์ต่างหาก ผมละเคืองแทน เถียงแล้วก็ไม่ฟัง หลังจากนี้ต่อไปผมคงต้องคุยกับ ผอ. ตรงๆ เพื่อให้ ผอ. ได้เข้าใจว่าเรื่องนี้มันไม่ถูก และทำให้จำเลยของผม เสียกำลังใจมาก เพราะผมก็เคยเหมือนกัน แต่จะได้ผลอย่างไร ผมไม่อาจทราบได้ ผมอาจจะเจ็บตัวเอง ก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วงเจ็บในเรื่องที่ถูกไม่เป็นไร....

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แนวคิด ภาค 2 (ความเสี่ยงที่สุด คือการที่เราไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย)


มีคนถามผมว่า เรียนจบแล้วจะทำอะไรต่อ ผมตอบไปว่าทำธุรกิจ เค้าบอกว่าไม่กลัวเจ๊งเหรอ ผมตอบกลับไปว่า กลัว ใครๆ ก็กลัวทั้งนั้นแหล่ะ เค้าบอกเสี่ยงน้าทำธุรกิจ ทำสิบ สำเร็จสอง ผมเลยตอบว่า ผมนี่แหล่ะจะเป็นสองคนนั้น เค้าหัวเราะ หึหึ ผมนึกในใจว่า "พี่นั่นแหละแค่คิดก็เจ๊งแล้ววว" อย่างที่บอก ทำธุรกิจมีโอกาสเสี่ยงสูง แต่มีคนเคยบอกไว้ว่า ความเสี่ยงที่สุด คือการที่เราไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย คำนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ ไม่มีนักธุรกิจที่ประสบความเร็จคนใหนที่คิดว่า ทำแล้วจะเจ๊งมั้ย มีแต่คิดว่า เราจะทำยังไงไม่ให้เจ๊ง อย่างที่บอก ผมกลัวเจ๊ง แต่ผมมีครูในหนังสือเยอะแยะ มากมาย เค้าบอกไว้หมดว่า ควรคิดอย่างไร ทำอย่างไร ไม่ให้เจ๊ง เราไม่ต้องเสี่ยงเอง ในโลกนี้มีคนเคยเสี่ยงมาเยอะแยะ และมาเล่าวิธีจัดการกับความเสี่ยงนั้นให้เราฟังมากมาย ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ผมอ่านหนังสือเกือบร้อยเล่ม ดู ฟัง วีดีโอ เกือบทุกวัน ผมเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ผมจึงมั่นใจ ไม่ได้มั่นใจในตัวเองนะ แต่มั่นใจว่ายังไงเราก็มีครู มีตัวอย่าง เราคงไม่โง่เสี่ยงโดยที่ไม่มีความรู้ ฉะนั้นผมไม่กลัวที่จะเสี่ยง เพราะผมคิดว่ายังไงมันก็ไม่เสี่ยง คนที่บอกว่าเสี่ยง คือคนที่ไม่เคยคิดจะเสี่ยงอะไรเลยต่างหาก ....

วงษ์พาณิชย์ ภาค1 (จุดเริ่มต้น)


หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ วงษ์พาณิชย์ ขยะรีไซเคิลมาบ้าง เหมือนกัน ผมรู้จักวงษ์พาณิชย์ได้สิบกว่าปีแล้วมั้ง เคยเอาเศษเหล็กไปขายได้ตังค์ ค่าขนม แต่ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจตรงใหน จนวันนึงเมื่อซัก ห้าเดือนที่แล้ว จอดรถติดไฟแดงอยู่ นั่งคิดเรื่อยเปื่อยว่าจะเริ่มธุรกิจอะไรดี (ทั้งร้านเน็ต คาร์แคร์ ร้านกาแฟ บริษัทรับเขียนโปรแกรม) คิดไปก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน จนซักพักมีรถวงษ์พาณิชย์ ขับผ่านหน้าไป เห็นสโลแกน ข้างรถเขียนว่า ขยะคือทองคำ เห็นแล้วปิ้งขึ้นมาทันที อ่ะ ธุรกิจนี้น่าสนใจ จึงเริ่มศึกษา แล้วพบว่า แฟรนไชส์ไม่แพง ไม่ต้องคุมคุณภาพสินค้า ไม่ต้องกลัวของเสีย ไม่ต้องดูแลลูกค้ามากมาย กำไรดี ไม่ต้องหาความต้องการ ที่สำคัญขยะ ไม่มีวันขาดตลาด เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด นี่แหละธุรกิจแห่งการเริ่มต้นชีวิต จากนั้นก็มีคำถามต่อมาอีกมากมาย ว่าเราจะเริ่มธุรกิจนี้ได้อย่างไร

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

CJ7 คนเล็กของเล่นใหญ่


บังเอิญได้ดู หนังเรื่อง CJ7 คนเล็กของเล่นใหญ่ รู้สึกชอบเรื่องนี้มาก สนุกดี ปกติไม่ค่อยชอบดูหนังการ์ตูน แต่เผอิญเรื่องนี้ มีโจซิงฉือแสดงด้วย ก็เลยนึ่งดูจนจบ เรื่องนี้มีทั้งความสนุก ซึ้ง และแง่คิดต่างๆ มากมาย และที่สำคัญตัวเอกของเรื่อง CJ7 น่ารักมาก เป็น Animation ที่มีอารมณ์ ความรู้สึก เหมือนจริงมาก ถ้ามีโอกาส อยากดูอีกซักรอบ

CJ7 ของผม ที่รักเอามาฝาก

ตัวอย่างหนัง
ลิงค์เพิ่มเติม

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ว่าด้วยฮวงจุ้ย ภาค 2 (ผีเซี๊ย)


ผีเซี๊ย เป็นสัตว์มงคลชั้นสูงของจีนที่เชื่อกันว่าสามารถดูดทรัพย์ หรือโชคลาภต่างๆ ได้ ปากชอบกินแต่ของดี ก้นไม่มีรูทวารกินมาแล้วเก็บไว้ไม่มีการถ่ายออก หัวจะเป็นมังกร เขาเป็นกิเลน ขาเป็นสิงโต ปีกเป็นหงส์ ตัวและหางเป็นม้า นิยมใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมาทำการแกะหรือหล่อ ของแท้ต้องที่เชี่ยงไฮ้ชัวร์สุด ผมไปซื้อมาแล้ว 1 ตัว แต่แตกไปละ คาดว่าอีก ปีสองปีจะแวะไปซื้อใหม่ เชื่อกันว่าผู้ที่ทำธุรกิจควรมีไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ผีเซี๊ยมีนิสัยสี่อย่างที่ผมชอบมากคือ 1.ปากกินโชคลาภ 2.ก้นไม่มีรูทวาร 3.คบแต่สัตว์ชั้นสูง 4.กลับบ้านทุกวัน ซึ่งสี่นิสัยนี้เชื่อกันว่าเป็นปรัญญาของเศรษฐี หากจะเลือกซื้ผีเซี๊ยมาบูชาจะต้อง ดูด้วยว่าเราอยู่ในธาตุใหน ควรซื้อสีอะไร และหันผีเซี๊ยไปในทิศทางใหน เพื่อความเป็นสิริมงคล และได้ผลทางความเชื่อ
อย่าลืมนะ ถ้าซื้อมาแล้วหากไม่ขยันทำงาน มัวแต่นั่งมองผีเซี๊ยทั้งวัน มันก็คงไม่มีทางเป็นเศรษฐีได้หรอกชาตินี้

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ว่าด้วยฮวงจุ้ย ภาค 1 (เกริ่นนำ)


ฮวงจุ้ย เป็นศิลปะโบราณอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาก หลังจากได้ยิมคำล่ำลือเกี่ยวกับฮวงจุ้ยมานาน และเมื่อได้ดูรายการฮวงจุ้ยหมายเลข 8 รู้สึกสนุกมาก จึงหันมาศึกษาอย่างจริงจัง และได้พบว่าฮวงจุ้ยเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อและเหตุผลอย่างลงตัวและน่าทึ่งมาก ว่างๆ จะมาเล่าใฟ้ฟังว่าฮวงจุ้ยมันน่าทึ่งยังไง.....

แนวคิด ภาค 1 (Imposible is nothing.)

คุณต้องมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ถ้าคุณต้องการจะทำ "สิ่งที่เป็นไปไม่ได้" ให้เป็นจริง

ข้อความนี้ตรงใจมาก เนื่องจากเราไม่ได้มีฐานะที่ร่ำรวย เรียกได้ว่าปานกลางค่อนข้าง...ด้วยซ้ำ ฉะนั้นหากเราต้องการความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สิ่งจำเป็นที่เราต้องมีเป็นอันดับแรก คือความฝัน วันนี้เราพบแล้วว่าความฝันของเราคืออะไร ต้องการอะไร มีคนเคยบอกว่าเราต้องฝันแบบเห็นภาพที่ชัดเจน มันถึงจะเป็นจริงได้ วันนี้ผมเห็นแล้ว และผมจะทำให้มันเป็นจริงในอีกไม่ช้า คอยดู

นี่คือความฝันของผม

จบแล้วนะพ่อ


และแล้วก็จบจนได้ เห็นมะบอกแล้วถ้าไม่คิดฝืนตัวเองในวันนั้น ก็คงไม่มีวันนี้ (รอเก็บตังค์เรียนก็คงเหงือกแห้งกันพอดี) แม้ว่าจะผ่านแบบไม่ราบรื่นนัก แต่ก็สะใจที่ผ่านมันมาได้ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ และแล้วก็ถึงวันที่ จะสานฝันต่อซะที (ทำได้แล้วนะพ่อ)