วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วงษ์พาณิชย์ ภาค3 (Step 1 เพิ่มทักษะด้านคน และการพูด)

หลังจากที่ได้ศึกษาภาพรวมคร่าวๆ เกี่ยวกับธุรกิจขยะรีไซเคิลมาพอสมควร สิ่งที่ต้องทำต่อไปจากที่ได้ทำการวางแผนเรียบร้อยแล้ว ประการ แรกคือ ศึกษา และเพิ่มทักษะเกี่ยวกับคน การดูคน การควบคุมคน การใช้คน การบริหารคน ความจริงเรื่องคนนี่ต้องทำการศึกษาไปเรื่อยๆ แต่ว่าอย่างน้อยเราก็พอมีความรู้อยู่บ้าง อีกส่วนหนึ่งก็คือการพูด ต้องพูดให้มีประสิทธิภาพ น้ำหนักเสียง หน้าตา ท่าทาง ฯลฯ เอาใจช่วยด้วยนะ(ทุกคนที่เกี่ยวข้อง) ขอบคุณ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

วงษ์พาณิชย์ ภาค3 (เมื่อต้องศึกษาเพื่อความมั่นใจ)

หลังจากที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจรีไซเคิลขยะ มาได้ซักพักนึงแล้ว จากเว็บไซต์ วิดีโอคลิป ฯลฯ จึงได้ทราบว่าโอกาสของธุรกิจนี้ดีมากเลยทีเดียว เช่น ต้นทุนไม่สูง ราคาขยะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการอบรมให้ความรู้อยู่ตลอดเวลา ความเสี่ยงน้อย เป็นธุรกิจเงินสด ฯลฯ แต่หลายสิ่งที่เราต้องศึกษาต่อไป ยังมีอีกมาก เช่น การจดทะเบียนทำธุรกิจ การออกแบบก่อสร้างโรงงาน สถานที่ตั้ง การคัดหาคนงาน การควบคุมดูแลคนงาน การบริหารโรงงาน ช่องทางในการขยายกิจการ และอื่นๆ ปรีกย่อยอีกมากมาย เลยมานั่งคิดเรื่องเป้าหมายในการเรียนรู้ เป็นขั้นเป็นตอน ในช่วงเวลาอีกไม่กี่เดือน สิ่งที่กำลังเรียนรู้อยู่ในตอนนี้คือ


  • ศึกษาแนวคิดของผู้บริหาร วงษ์พาณิชย์ คุณสมไทย วงษ์เจริญ

  • ปรเภทขยะ แบบแยกย่อย นอกจาก 5 ประเภทหลักๆ

  • ความเคลื่อนไหวของวงษ์พาณิชย์ เช่น การอบรม กิจกรรม รายการโทรทัศน์ หรือสารคดี

  • โอกาศทางธุรกิจ เช่น ช่องทางในการเริ่ม การขยาย และโอกาสอื่นๆ

  • ต้นทุนในการประกอบกิจการ เช่น ค่าเช่าที่ ค่าก่อสร้างโรงงาน ค่าใช้จ่ายในการประกอบกิจการ

  • ศึกษาแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ การบริหารงาน การป้องกันตัว แนวทางการเสียภาษี

  • ศึกษาข้อมูล ด้านการจดทะเบียนธุรกิจ การจดทะเบียนค้าของเก่า การเสียภาษี "สังคมรังเกียจ" การบริหารคน บริหารโรงงาน

  • ศึกษาข้อมูลการประกอบธุรกิจ จากเจ้าของกิจการวงษ์พาณิชย์ ในพื้นที่ต่างๆ

  • ศึกษากลโกงต่างๆ เช่น การโกงของคนเก็บของเก่ารายย่อย ซาเล้ง หรือผู้คนต่างๆ นำขยะมาขาย

  • การบริหารงาน ความเสี่ยงในด้านต่างๆ

นี่คือสิ่งที่เราจะต้องศึกษาในระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนนี้

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

แนวคิด ภาค 3 (เมื่อไม่อยากเดินตามทาง)

เมื่อเกิดมาตั้งแต่จำความได้ เราได้ผ่านการปลูกฝังจากญาติพี่น้องหรือสังคมว่า เกิดมาแล้วต้องเรียนสูงๆ จากนั้นแล้วต้องทำงานประจำ หรือราชการจะได้มั่นคง เกษียรตอนอายุ 60 ถามว่านี่คือคำตอบของชีวิตหรือไม่ ใครเป็นคนกำหนดว่าเราเกิดมาชีวิตหนึ่งต้องเดิมตามทางนี้ไปตลอด ผมพยายามหาคำตอบมานานถึงได้เข้าใจว่า ไม่มีใครเป็นคนกำหนดหรอก แค่เราเห็นญาติพี่น้องของเราเดินตามทางนี้มาตลอด เช่นกัน ผมอยู่ในครอบครัวข้าราชการ จึงได้รับการปลูกฝังแนวคิดความมั่นคงนี้อย่างหนักหน่วง แต่ในใจของเราก็คิดมาตลอดว่ามันใช่หรือ? นี่คือชีวิตที่เราต้องการหรือ? เราต้องการความมั่นคง ค่าตอบแทนต่ำ ทำงานถึงอายุ 60 มันใช่ความต้องการของเราจริงๆ หรือ? ผมเห็นตัวอย่างจากพ่อ ทำงานได้เงินเดือนหมื่นกว่าบาท เลี้ยงลูก 3 คน ค่าใช้จ่ายไม่พอใช้ ต้องใช้เงินอย่างประหยัด แต่พอพ่อจบชีวิตลง กลับไม่มีอะไรเหลือให้กับลูกเลย นี่หรือความมั่นคง มั่นคงจริงๆ หรือเปล่า ผมชอบใช้คำว่า "จนมั่นคง นะสิ" ผมได้บทเรียนจากอาชีพข้าราชการของพ่อมากมาย อาชีพข้าราชการสอนให้ผมเข้าใจคำว่าอาชีพ ความมั่นคง ความอดทน ความประหยัด ความคิดที่จะใช้จ่ายเงิน นี่คือความคิดที่ได้ แต่พอเรียนจบก็มานั่งคิดกับตัวเอง ได้พบกับผู้คน แนวคิดมากมาย ไม่ว่าจากหนังสือ จากข้างนอกกระจกรถ ร้านค้า ผู้คนข้างถนน ฯลฯ จนได้พบคำตอบที่แท้จริงว่าชีวิตเราต้องการอะไร ต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมค้นพบ จากที่ได้คุ่นคิดมามากมาย หลายตลบ ว่าสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดในชีวิต คือ ความสุข แล้วที่มาของความสุขของผมก็คือ ครอบครัว รายได้(คำว่ารายได้ของผมไม่ได้ต้องการเป็นคนที่รวยที่สุด มั่งคั่งที่สุด แต่มันคือ รายได้ที่สามารถช่วยให้ครอบครัวไม่ลำบาก อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากใช้จ่ายอะไรก็ได้ใช้ ได้ท่องเที่ยว ได้ส่งลูกเรียนเท่าที่เค้าอยากจะเรียน ฯลฯ) อาชีพที่รัก แล้วไม่ต้องมีคนมากำหนดกฏเกณฑ์ว่าคุณจะต้องทำแบบนู้น ทำแบบนี้ แน่นอนต้องไม่ใช่ข้าราชการนั่นเอง ผมจะต้องเกษียรในอายุ 40 - 45 ปี แน่นอนมันไม่ใช่สิ่งที่คนปกติ 95% ทำกัน มันเป็นเรื่องยาก แต่อย่าลืมว่ามีคนอีก 5% ทำได้ คนเหล่านั้นต้องเหนื่อย และเสี่ยงกว่าคนปกติในการทำตามเป้าหมาย แต่ผลลัพธ์นั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก นี่คือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ ผมมีเป้าหมายชัดเจน และไม่เคยหยุดที่จะคิดใหม่ ไม่เคยที่จะไม่ซื่อสัตย์กับเป้าหมายของตัวเองแม้แต่วินาทีเดียว เพราะนั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมมีความสุขในไม่ช้านี้ อย่างที่บอกมีคน 95 คนจาก 100 เดินตามทางที่มีคนขีดไว้ให้ แต่ผมจะเป็น 1 ใน 5 คนที่เหลือที่จะไม่เดินตามทาง แต่อย่าลืมว่ามีคนที่เคยเดินไปแล้ว ประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวเยอะแยะมากมาย นั่นคือประสบการณ์ที่ผมจะนำมาใช้ในการเดินทาง มันอาจจะไกล หรืออาจจะลำบาก แต่แน่นอนที่สุดจุดหมายมันคือความสุข แล้วความสุขนี่เองที่ทำให้ผมต้องหาความรู้ ต้องหัดคิด หัดตัดสินใจ ฯลฯ ในโลกนี้มีคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากมาย ผู้คนเหล่านั้นชอบใช้คำว่า "ล้มเหลว" แต่ผมกลับคิดว่าไม่มีคำว่าล้มเหลวหรอกในโลกนี้ มีแต่คำว่า "ล้มเลิก" เท่านั้นเอง